บทความ, PVC

PVC คืออะไร ? ดียังไง? ทำไมอุปกรณ์ส่วนใหญ่ผลิตจาก PVC ?

PVC คืออะไร ดียังไง ทำไมอุปกรณ์ส่วนใหญ่ผลิตจาก PVC

เนื่องด้วยอุปกรณ์ก่อสร้างและภายในบ้านส่วนใหญ่ผลิตมาจาก PVC วันนี้เราเลยมาหาคำตอบกันว่า PVC คืออะไร ? ดียังไง? ทำไมอุปกรณ์ส่วนใหญ่ผลิตจาก PVC ? หลายคนอาจจะสงสัยว่าเอ้า พลาสติก มันก็คือพลาสติก มันย่อยไม่ได้หรอก แต่หารู้ไม่ว่าสมัยนี้พลาสติกนั่นสามารถถูกย่อยได้แล้ว และ พลาสติกมันก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว

Contents show

PVC หรือ พลาสติก ย่อมาจาก (โพลีไวนิลคลอไรด์) หรือในภาษาอังกฤษ Polyvinyl Chloride เป็นพอลิเมอร์เทอร์โมพลาสติกที่มีราคาประหยัดและใช้งานได้หลากหลาย เราจะพบเห็นพลาสติกได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตประตู โต๊ะ ตู้ หน้าต่าง พื้นบัวผนัง พื้นภายในบ้าน และ เรียกได้ว่าแทบจะทุกอย่างเลย นอกจากนั่นเรายังมีการนำพลาสติกไปใช้ในผลิตภัณฑ์ด้านอื่นๆ เช่น

  • ท่อสำหรับน้ำดื่มและน้ำเสีย
  • ฉนวนหุ้มสายไฟและสายเคเบิล
  • อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอื่นๆ

ทั้งหมดที่กล่าวไปนั้นว่านับเป็นเทอร์โมพลาสติกที่มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับสามของโลกเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าอันดับท็อปของโลกเลย รองจากพอลิเอทิลีน หรือ PE (Polyethylene) และพอลิโพรพิลีน PP (Polypropylene) โดย PVC นั้นจะมีลักษณะที่เป็นของสีขาว เปราะบาง มีในรูปของผงและเม็ด โดยปัจจุบัน PVC เข้ามาแทนที่อุปกรณ์วัสดุก่อสร้างในหลากหลายผลิตภัณฑ์ด้วยเช่นกัน ทั้งเรื่อง การใช้งาน เช่น ไม้ โลหะ คอนกรีต ยาง เซรามิก เป็นต้น ซึ่งก็ด้วยความสามารถพิเศษของพลาสติกและคุณสมบัติต่างๆของตัวพลาสติก เช่น

  • น้ำหนักเบา
  • ทนทาน มีความแข็งแรง
  • ราคาถูก
  • ง่ายต่อการขึ้นรูป
  • ทนต่อมอดและทดต่อแมลง
  • ทดแดดทดฝน ทนต่อความชื้น
  • สามารถนำมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้

เกร็ดความรู้

PVC หรือ พลาสติก ที่กลายเป็นที่รู้จักกันเนี่ยมันถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยไม่ได้ตั้งใจในปี ค.ศ. 1872 โดยนักเคมีชาวเยอรมันชื่อ Eugen Baumann เขาทำการทดลองโดยนำก๊าซไวนิลคลอไรด์ที่ปิดผนึกไว้ในหลอดไปตากแดด และได้ของแข็งสีขาวที่เรียกว่า PVC ในปี ค.ศ. 1913 นักเคมีชาวเยอรมัน Friedrich Klatte ได้รับสิทธิบัตรฉบับแรกสำหรับการทำพอลิเมอร์ PVC โดยใช้แสงแดด เมื่อถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีได้ผลิตผลิตภัณฑ์ PVC แบบยืดหยุ่นและแบบแข็งหลายชนิด เพื่อใช้ทดแทนโลหะที่ทนทานต่อการกัดกร่อน

พลาสติก PVC หรือ โพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl Chloride) มาจากกากของน้ำมัน น้ำมันก็จะแบ่งออกมาเป็นชั้นของน้ำมันด้วยเช่นกัน กระบวนการผลิตพลาสติกนั้นเราจะเอากากของน้ำมันมาตากให้แห้ง เหมือนกับแป้ง แล้วเราเอามาร่อนให้เกิดเป็นผงพลาสติก อันนี้คือผมอาจจะอธิบายแบบลวกๆนะครับ พลาสติก PVC มาจากกระบวนการทางเคมีที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนพอสมควร โดยมีวัตถุดิบหลักอยู่ 2 ชนิด คือ เอทิลีน (Ethylene) และ คลอรีน (Chlorine) ค่ะ มาดูกันว่าแต่ละตัวมาจากไหนและกระบวนการเป็นอย่างไร

1. เอทิลีน (Ethylene)

เอทิลีนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ได้จากกระบวนการแยกส่วน (cracking) ของ ปิโตรเลียม (Naphtha) หรือ ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) เอทิลีนนั้นมาจากทรัพยากรธรรมชาติชั้นใต้ดิน มันมาจากกระบวนการที่ต้องใช้ความร้อนสูงเพื่อสลายโมเลกุลที่ใหญ่กว่าให้เล็กลง จนกว่าจะได้เป็นเอทิลีนซึ่งเป็นโมโนเมอร์ที่มีความสำคัญในการผลิตพลาสติกหลายชนิด รวมถึงพลาสติก PVC ด้วย

2. คลอรีน (Chlorine)

คลอรีนเป็นเคมีที่ได้จากการแยกสารประกอบระหว่าง โซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เกลือแกง (Salt) ผ่านกระบวนการทางเคมีไฟฟ้า (electrolysis) คลอรีนจากเกลือซึ่งเป็นเคมีทางทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มากมายในทะเล

พลาสติกนั้นโดยหลักๆเลยจะมี 2 แบบ นั้นคือ พลาสติกแบบยืดหยุ่น (Flexible) และ พลาสติกแบบแข็ง (Rigid) แต่ก็ยังมีพลาสติกประเภทอื่นๆอีกด้วยเช่นกัน เช่น PE, PP, PS, PVC, ABS เป็นต้น เม็ดพลาสติก หรือ PVC เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอย่างหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเลยก็ว่าได้ เป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้มากมาย เช่น อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง และอีกมากมายหลายอย่าง

โดยปัจจุบัน ปี 2025 ตลาดเม็ดพลาสติกภายในประเทศไทยนั่นมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบธุรกิจหลายรายรวมทั้งผู้ประกอบการจากประเทศจีน เริ่มเข้ามาแข่งขันด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังลากยาวไปถึงผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้นำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายอยู่ในตลาดกรุงเทพและปริมณฑล ประมาณร้อยละ 80 และที่เหลือร้อยละ 20 นั้นเป็นตลาดภูมิภาค เป็นต้น

เม็ดพลาสติกที่ผลิตได้ในประเทศไทยนั้นโดยประมาณร้อยละ 58 ผลิตมาเพื่อใช้ในประเทศเพียงอย่างเดียว ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 42 นั้นเราจะทำการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ จีน ฮ่องกง อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นต้น

โดยชนิดเม็ดพลาสติกที่จำหน่ายในตลาดนั้นจะมีประมาณ 140 ชนิด แต่เม็ดพลาสติกสำคัญที่มีการใช้กันมากในปัจจุบันนั้นมีเพียง 5 ชนิด ได้แก่ เม็ดพลาสติกประเภท PE, PP, PS, PVC, ABS เป็นต้น ทั้ง 5 ชนิดนี้เป็นพลาสติกที่เราใช้ในการผลิตบ่อยที่สุดนะครับ โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน และในแต่ล่ะชนิดของพลาสติกก็ไม่สามารถใช้เครื่องในการผลิตแบบเดียวกันด้วย เราจะแบ่งโดยเบื้องต้นเป็นพลาสติก 2 ประเภท คือ

1. พลาสติกคืนรูป (Termoplastic)

พลาสติกคืนรูป (Termoplastic) เป็นพลาสติกที่สามารถหลอมหรือรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ได้ มีความแข็งแรงและทนความร้อนได้ในอุณหภูมิที่ไม่สูงมาก พลาสติกประเภทนี้มีหลายชนิด เช่น

  • PE (Polyethylene) นำมาใช้ทำ ฟิล์ม ถุงเย็น ถุงใส่อาหารแช่แข็ง ขวด หลอด และบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
  • PP (Polypropylene) นำมาใช้ทำ ถุงร้อนบรรจุอาหาร เปลือกของแบตเตอรี่ ถังพลาสติก แผงหน้าปัด เชือกและของเด็กเล่น
  • PS (Polystyrene) นำมาใช้ทำตลับเทป ภาชนะใส่อาหาร ชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • PVC (Poly Vinyl Choloride) นำมาใช้ทำท่อน้ำ ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล รองเท้า และหนังเทียม
  • ABS (Acrylonitrile Butadiene Styene Resin) นำมาใช้ทำหมวกกันน็อค ชิ้นส่วนรถยนต์ และจักรยานยนต์

2. พลาสติกคงรูป (Thermosetting)

พลาสติกคงรูป (Thermosetting) เป็นพลาสติกที่ไม่สามารถนำมาหล่อหลอมหรือไม่สามารถนำกลับมารีไซเคิลเพื่อที่จะใช้ใหม่ได้ โดยพลาสติกคงรูปนั้นจะมีความทนความร้อนได้ในอุณหภูมิสูง พลาสติกประเภทนี้มีหลายชนิด เช่น

  • โพลีเอสเตอร์ นำมาใช้ทำไฟเบอร์กลาส กระดุม ฉนวนไฟฟ้า และวัสดุเคลือบผิว
  • เมลามีน นำมาใช้ทำเครื่องใช้ในครัว อุปกรณ์ เครื่องมือ จาน ชามและเก้าอี้
  • ไครลิก ไฟเบอร์ นำมาใช้ทำ เสื้อถักไหมพรม ผ้าห่ม และถุงเท้า
คุณสมบัติข้อดีข้อจำกัด
PVC พลาสติกแบบแข็ง1. ต้นทุนต่ำและมีความแข็งสูง
2. มีคุณสมบัติทนไฟในตัวเป็นไปตามข้อกำหนด FDA และยังเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความโปร่งใส
3. ทนทานต่อสารเคมีได้ดีกว่า PVC แบบมีพลาสติกไซเซอร์ 4. เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีเยี่ยมและมีคุณสมบัติป้องกันไอน้ำ
5. มีความคงรูปที่ดีเยี่ยมที่อุณหภูมิห้อง
1. ยากต่อการขึ้นรูปด้วยการหลอม
2. มีความต้านทานต่อการแตกร้าวจากตัวทำละลายจำกัด
3. เปราะที่อุณหภูมิ 5°C (หากไม่ได้ปรับปรุงด้วยสารเพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทกและ/หรือสารช่วยในการแปรรูป)
4. อุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องต่ำที่ 50°C
PVC พลาสติกแบบยืดหยุ่น1. ต้นทุนต่ำ ยืดหยุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกสูง
2. ทนทานต่อรังสียูวี กรด ด่าง น้ำมัน และสารเคมีอนินทรีย์กัดกร่อนหลายชนิดได้ดี
3. มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี
4. ไม่ติดไฟและมีคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย
5. ขึ้นรูปได้ง่ายกว่า PVC แบบแข็ง
1. คุณสมบัติอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากพลาสติกไซเซอร์มีการเคลื่อนย้าย
2. ถูกกัดกร่อนโดยคีโตน; บางเกรดจะบวมหรือถูกกัดกร่อนโดยไฮโดรคาร์บอนคลอรีนและอะโรมาติก, เอสเทอร์, อีเทอร์และเอมีนอะโรมาติกบางชนิด, และสารไนโตร-คอมพาวด์
3. มีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพที่อุณหภูมิสูง
4. ไม่เหมาะสำหรับการสัมผัสอาหารกับพลาสติกไซเซอร์บางชนิด
5. มีความทนทานต่อสารเคมีต่ำกว่า PVC แบบแข็ง

พลาสติก PVC เป็นวัสดุที่ใช้งานได้หลากหลายและคุ้มค่าด้วยคุณสมบัติหลากหลายและประโยชน์ของชิ้นงานที่ผลิตจากพลาสติกอีกมากมาย ได้แก่

  1. คุณสมบัติทางไฟฟ้า: พลาสติกเป็นฉนวนกันไฟที่ดีเยี่ยม
  2. ความทนทาน: พลาสติก PVC ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ การกัดกร่อนและแรงกระแทก การขีดข่วนต่างๆ ขึ้นชื่อว่าถ้าผลิตภภัณฑ์ผลิตจากพลาสติกเนี่ย มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแน่นอนและเหมาะกับการติดตั้งภายนอกด้วยเช่นกัน
  3. การหน่วงไฟ: เนื่องจากพลาสติกนั้นมีปริมาณคลอรีนที่สูง ผลิตภัณฑ์จาก PVC นั้นจึงมีคุณสมบัติที่สามารถดับไฟได้เอง
  4. อัตราส่วนต้นทุน/ประสิทธิภาพ: ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจาก PVC มีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำแต่ได้ประสิทธิภาพและคุณภาพที่สูง มีอายุการใช้งานยาวนานและไม่ต้องหมั่นดูแลรักษา น้ำหนักเบา เหนียว แข็งแรงและทนทาน ทนต่อการขีดข่วน
  5. ความทนทานต่อสารเคมี: พลาสติกPVC เรียกได้ว่าทนทานต่อสารเคมีทุกชนิด มีความทนทานดีต่อกรดเจือจาง ด่างเจือจาง แต่บางเกรดอาจถูกกัดกร่อนโดย คีโตนและเอสเทอร์ เป็นต้น

กระบวนการหลักๆในการแปรรูปพลาสติกหรือผลิตพลาสติกเหล่านั้นได้แก่ การอัดรีด (extrusion), การรีดพลาสติกเป็นแผ่น (calendering), การฉีดขึ้นรูปพลาสติก (injection molding), และการเป่าชิ้นงานพลาสติก (blow molding) เป็นต้น PVC มีความไวต่ออุณหภูมิ มีช่วงอุณหภูมิในการแปรรูปที่แตกต่างออกไป การอบพลาสติกก่อนการแปรรูปเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตชิ้นงานเพราะจะทำให้ชิ้นงานไม่เกิดความชื้นและไม่เกิดปัญหาต้องผลิตชิ้นงาน

1. การฉีดพลาสติกด้วยเครื่อง Injection Machine

1111

1

1

2. การอัดรีดพลาสติกโปรไฟล์ Extruder Machine

1

1

PVC แบบมีพลาสติกไซเซอร์PVC แบบแข็ง
การฉีดพลาสติกขึ้นรูป1. อุณหภูมิหลอมเหลว: 170 ถึง 210°C
2. อุณหภูมิแม่พิมพ์: 20 ถึง 60°C
3. การหดตัวของแม่พิมพ์: 1 ถึง 2.5%
4. แรงดันการฉีดวัสดุ: สูงสุด 150 MPa
5. แรงดันการบรรจุ: สูงสุด 100 MPa
1. อุณหภูมิหลอมเหลว: 170 ถึง 210°C
2. อุณหภูมิแม่พิมพ์: 20 ถึง 60°C
3. การหดตัวของแม่พิมพ์: 0.2 ถึง 0.5%
4. แนะนำสกรูที่มีอัตราส่วน L/D 15 ถึง 18
การอัดรีดพลาสติกอุณหภูมิการอัดรีดจะต่ำกว่าอุณหภูมิการฉีดขึ้นรูป 10-20°C เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมสภาพทางความร้อนก่อนเวลาอันควร

3. การพิมพ์ 3 มิติด้วย PVC

PVC ได้รับการมองข้ามอย่างมากว่าไม่เหมาะสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ แต่การพัฒนาใหม่ๆ กำลังปูทางให้ PVC ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตแบบเติมเนื้อ (additive manufacturing) ตัวอย่างเช่น Chemson Pacific Pty Ltd ซึ่งเป็นสมาชิกของ Vinyl Council of Australia ได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับการพิมพ์แจกันดอกไม้ขนาดยักษ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ใช้เม็ดพลาสติก 3DVinyl™ PVC

4. การเป่าพลาสติก (Blowing Machine)

11

1

ผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก PVC สามารถรีไซเคิลได้ เรียกได้ว่า 100% ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาสมบูรณ์แบบพร้อมจำหน่าย หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่าน QC หรือ ไม่ผ่านคุณภาพ ส่วนใหญ่เราก็จะนำมารีไซเคิลกันตลอด โดยเราจะต้องระบุด้วยรหัสว่าพลาสติกมาจากเคมีอะไร การรีไซเคิล ต่างๆนาๆเพื่อทำให้รู้ว่ารีไซเคิลออกมาแล้วจะเจอเคมีอะไรบ้าง การรีไซเคิลพลาสติกนั้นก่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม วิธีการหลักในการรีไซเคิลพลาสติก PVC มีหลากหลายทั้งการรีไซเคิล การโม่พลาสติก การรีไซเคิลเชิงเคมี ได้แก่

1. การรีไซเคิลด้วยเครื่องจักร (Mechanical Recycling)

ในการรีไซเคิลด้วยเครื่องจักรหรือรีไซเคิลด้วยเครื่องบดพลาสติกนั้น ของเสียที่เราจะได้นั้นจะเป็น ผงพลาสติก หรือ สแค็ปที่เป็นเศษชิ้นงานๆ การโม่หรือการบดพลาสติกนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของเราว่าเราต้องการแบบไหน การบดพลาสติกนั้นเราจะมีการดำเนินการดังต่อไปนี้ แต่ บางโรงงานอาจจะทำไม่เหมือนกับเรา:

  • การแยกชิ้นงานของพลาสติกว่าเป็นพลาสติกประเภทไหน
  • การบดพลาสติก หรือ การโม่พลาสติก ให้พลาสติกเป็นผง หรือ เป็นเศษสแค็ป

จากนั้นเราก็จะนำผงเหล่านั้นมาผสมเคมีเพื่อนำกลับมาผลิตและใช้ใหม่

2. การรีไซเคิลในเชิงเคมี (Chemical Recycling)

การรีไซเคิลในเชิงเคมีจะสามารถสลายพอลิเมอร์ออกเป็นโมโนเมอร์และสารอื่นๆได้ เช่น

  • โมโนเมอร์ – ใช้ในการผลิตพอลิเมอร์ใหม่
  • สารอื่นๆ – ใช้เป็นวัตถุดิบเริ่มต้นกระบวนการของอุตสาหกรรมเคมี

3. การรีไซเคิลวัตถุดิบตั้งต้น (Feedstock Recycling)

การบำบัดของเสีย PVC ด้วยความร้อนพร้อมกับการคืนค่าไฮโดรเจนคลอไรด์ เพื่อที่จะนำไปสู่กระบวนการผลิต PVC หรือนำไปใช้ในกระบวนการอื่นๆ

1. สหรัฐอเมริกา

Vinyl (PVC) Institute (ในสหรัฐอเมริกา) เป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่เป็นตัวแทนของผู้ผลิตชั้นนำของ:

  • ไวนิล
  • ไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ และ
  • สารเติมแต่งและสารปรับปรุงไวนิล

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เปิดตัวโครงการริเริ่มใหม่ที่เรียกว่า +Vantage Vinyl โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความพยายามด้านความยั่งยืนทั่วทั้งอุตสาหกรรมไวนิล โครงการนี้มีส่วนร่วมกับบริษัทต่างๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของไวนิลทั้งหมด:

  • ตั้งแต่ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์วัตถุดิบ
  • ไปจนถึงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

2. ยุโรป

การรีไซเคิลในปัจจุบันเป็นกุญแจสำคัญสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน อุตสาหกรรม PVC ของยุโรปก็มีส่วนร่วมในเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนเช่นกัน

Recovinyl เป็นแพลตฟอร์มการรีไซเคิลทั่วทั้งอุตสาหกรรม เป็นความคิดริเริ่มโดยห่วงโซ่คุณค่า PVC ของยุโรป

  • มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บรวบรวมและรีไซเคิลขยะ PVC
  • กำลังรวบรวมผู้รีไซเคิลและผู้แปลงจากทั่วยุโรป

โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก VinylPlus ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นโดยสมัครใจในการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยอุตสาหกรรม PVC ของยุโรป (เดิมได้รับทุนสนับสนุนผ่านโครงการ Vinyl 2010)

3. ออสเตรเลีย

The Vinyl Council of Australia เป็นตัวแทนของห่วงโซ่คุณค่า PVC/ไวนิลในออสเตรเลีย โดยติดตามโปรแกรม VinylPlus ของยุโรปอย่างใกล้ชิด ด้วย PVC Stewardship Program ของตนเอง The Vinyl Council of Australia มีเป้าหมายที่จะช่วยให้ซัพพลายเออร์วัตถุดิบ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ และผู้จัดจำหน่ายร่วมกันเป็นผู้ดูแลการผลิต การใช้ และการกำจัดผลิตภัณฑ์ PVC ที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์

4. แคนาดา

The Vinyl Institute of Canada และ FEPAC ซึ่งเป็นสมาคมพลาสติกชั้นนำของควิเบก เสนอ Eco Responsible ซึ่งเป็นโครงการรับรองการจัดการความยั่งยืนสำหรับ:

  • ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมไวนิล และ
  • องค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมพลาสติกทั่วแคนาดา

เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าพลาสติกนั้นแท้จริงแล้วมันอันตรายไหม

  • การมีปริมาณคลอรีน
  • การใช้สารเติมแต่ง เช่น พลาสติกไซเซอร์ ในพลาสติก

พลาสติกมันก็คือพลาสติกแหละครับ ความอันตรายและความน่ากลัวของมันเยอะอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทิ้งให้เป็นที่ ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบนั้นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นระยะๆ ในหลายภูมิภาค สารเติมแต่งในพลาสติกเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพวกเราเป็นอย่างมาก การศึกษาเพิ่มเติมได้ว่า ปัจจุบันพลาสติกบางชนิดที่ถูกใช้ในของเล่นของเด็ก อุปกรณ์ที่ต้องใช้เกี่ยวกับเด็ก ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัย

และในทำนองเดียวกัน ยุโรปได้ยุติการใช้สารที่มีตะกั่วในสารประกอบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมันถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็ง เป็นอันตราย และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม การมีอยู่ของสารเหล่านี้ถือว่าเป็นโทษเลยก็ว่าได้

ไบโอพลาสติก หรือ Bio-PVC นั่นถูกใช้มากประมาณ 5-10 ปีได้แล้ว การพัฒนาพลาสติกจากพื้ช เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี หรือแม้แต่อ้อย มันไม่ใช่เรื่องใหม่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับพลาสติกพอลิเมอร์อื่นๆ ความก้าวหน้าในการคิดค้นสูตรไบโอพลาสติกหกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น ในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ได้แก่ Ineos และ Vynova ได้พัฒนา Bio-PVCs โดยใช้วัตถุดิบเอทิลีนที่ได้จากชีวมวล เป็นต้น

PVC เป็นวัสดุที่ใช้งานได้หลากหลายจริงๆ ครับ ด้วยคุณสมบัติที่ทนทาน ราคาประหยัด และขึ้นรูปได้ง่าย ทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเราภายในบ้านครับ

  1. ท่อน้ำประปาและท่อน้ำทิ้ง: เป็นการใช้งาน PVC ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในบ้าน ตั้งแต่ท่อเมนภายนอกไปจนถึงท่อน้ำดีน้ำเสียภายในบ้าน
  2. สายไฟฟ้าและสายเคเบิล: PVC ใช้เป็นฉนวนหุ้มสายไฟและสายเคเบิลต่างๆ เช่น สายไฟบ้าน สายแลน หรือสายเคเบิลทีวี เนื่องจากเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีและทนทาน
  3. กรอบประตูและหน้าต่าง (uPVC): กรอบประตูหน้าต่างที่ทำจาก uPVC (Unplasticized PVC) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่ผุกร่อน ไม่ต้องทาสี และเป็นฉนวนกันเสียงกันความร้อนได้ดี
  4. พื้นไวนิล/กระเบื้องยาง: วัสดุปูพื้นที่มีส่วนประกอบหลักเป็น PVC ให้ความยืดหยุ่น ทนทานต่อการขีดข่วน กันน้ำได้ดี และมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย
  5. บัวพื้น/บัวเชิงผนัง: ใช้ปิดรอยต่อระหว่างพื้นและผนัง ทำจาก PVC เพื่อความทสวยงามและป้องกันความชื้น
  6. รางน้ำฝน: รางน้ำฝน PVC มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ไม่เป็นสนิม และทนทานต่อแสงแดดและฝน
  7. เฟอร์นิเจอร์พลาสติก: เฟอร์นิเจอร์บางชนิด เช่น เก้าอี้ โต๊ะพับ หรือชั้นวางของราคาประหยัด มักทำจาก PVC
  8. ผ้าม่านอาบน้ำ (Shower Curtains): ม่านอาบน้ำพลาสติกส่วนใหญ่ทำจาก PVC เนื่องจากมีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี
  9. วอลล์เปเปอร์ (บางชนิด): วอลล์เปเปอร์บางประเภทมีชั้นผิวหน้าทำจาก PVC เพื่อให้กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย และทนทาน
  10. ยางปูพื้นในห้องน้ำ/ห้องครัว: แผ่นยางกันลื่นหรือแผ่นปูพื้นสำหรับพื้นที่เปียก มักผลิตจาก PVC
  11. ของเล่นเด็ก: ของเล่นพลาสติกบางชนิด เช่น ตุ๊กตายาง หุ่นยนต์ หรือของเล่นสำหรับเล่นในน้ำ ทำจาก PVC ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
  12. อุปกรณ์จัดเก็บในครัว: กล่องพลาสติก ถาดแบ่งช่อง หรือตะแกรงระบายน้ำบางชนิดในห้องครัวทำจาก PVC
  13. มุ้งลวด PVC: มุ้งลวดบางประเภทใช้เส้นใย PVC เคลือบไฟเบอร์กลาสเพื่อความทนทานและความคงทนต่อสภาพอากาศ
  14. ขอบคิ้วตกแต่ง: คิ้วบัวหรือขอบตกแต่งต่างๆ ที่ใช้ในงานก่อสร้างหรืองาน DIY ภายในบ้าน
  15. พรมเช็ดเท้า (บางชนิด): พรมเช็ดเท้าที่มีแผ่นรองกันลื่นด้านล่าง หรือพรมที่ผลิตจากใยสังเคราะห์บางประเภทอาจมีส่วนประกอบของ PVC

✅ สินค้าส่งตรงจากโรงงาน ราคาโรงงาน ทั้งปลีกและส่ง
✅ สินค้าทุกชนิดมีรับประกันคุณภาพ หากเกิดความเสียหายเรายินดีรับผิดชอบ
✅ บริษัทเรามีระบบผ่อนจ่าย ตามความสะดวกของลูกค้า
✅ สามารถผลิตโลโก้ของลูกค้าได้ ผลิตในแบรนด์ของลูกค้าเองได้
✅ เรามีบริการจัดส่งทั่งประเทศ มีบริการติดตั้งทั่วประเทศ
✅ สนใจสามารถ สอบถาม-ปรึกษา (ฟรี) ไม่มีค่าใช้จ่าย

สนใจดูตัวอย่างสินค้า/เป็นตัวแทนขาย
📩 อีเมล์ติดต่อ : info@cctgroup.co.th
📲 Line ID : Lakkana99 (คุณลักขณา)
☎️ เบอร์โทร : 081-642-8556 (คุณลักขณา) , 081-6428557 (คุณสมนึก)
🌐 Website : https://cctflooring.com
Facebook : บัวพื้นเชิงผนัง พื้นลามิเนต พื้นกระเบื้องยาง By CCTGroup